เมนู

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถธรรม และไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัย
แก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย, คันถธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย
อำนาจของเหตุปัจจัย.

2. อารัมมณปัจจัย


[513] 1. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ
ของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย คันถธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.
พึงกระทำมูล (วาระที 2)
เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม ย่อม
เกิดขึ้น.
พึงกระทำมูล (วาระที่ 3)
เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์
ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.
4. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่
ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ แล้วพิจารณากุศลกรรม
นั้น.
บุคคลพิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.
บุคคลออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค, พิจารณาผล,
พิจารณานิพพาน.
นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่
อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.
พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่ไม่ใช่คันถธรรม ฯลฯ
กิเลสที่ข่มแล้ว กิเลสที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ
บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถ-
ธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.
บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.
บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วย
เจโตปริยญาณ.
อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญ-
จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.
รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น
ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.
ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ อิทธิวิธญาณ, แก่
เจโตปริยญาณ, แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ, แก่ยถากัมมูปคญาณ, แก่
อนาคตังสญาณ, แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.
5. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม
ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรมแล้ว ย่อมยินดี
ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น ราคะ ย่อม
เกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.
พิจารณากุศลกรรมที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ
ออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.
บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์
ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น
ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.
6. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม
และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรมแล้ว ย่อม
ยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น คันถ-
ธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.
กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ
ออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.
บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์
ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น คันถธรรม และ
สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.
7. คันถธรรม และธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็น
ปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย
มี 3 วาระ (วาระ
ที่ 7-9)
พึงกระทำคำว่า เพราะปรารภ.

3. อธิปติปัจจัย


[514] 1. คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถธรรม ด้วยอำนาจ
ของอธิปติปัจจัย
มี 3 วาระ.
พึงกระทำว่าให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เหมือนกับ อารัมมณปัจจัย.
2. ธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่
ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี 2 อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ
ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่
ให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ
พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ
ออกจากฌาน ฯลฯ
พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ นิพพาน ฯลฯ
นิพพาน เป็นปัจจัยแก่ โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล
ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.
บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ
ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่คันถธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำจักษุ
เป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อม
เกิดขึ้น.
ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่
อธิปติธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-
สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.